ปอร์โต้ รอข้อเสนอจากลิเวอร์พูลซื้อตัว โอตาวิโอ

Abola สื่อชื่อดังในประเทศโปรตุเกส ได้ออกมาตีข่าวใหญ่ในช่วงรอบวันที่ผ่านมาว่า “สโมสรเอฟซี ปอร์โต้ กำลังเฝ้ารอข้อเสนอจากสโมสรลิเวอร์พูล ที่กำลังเตรียมที่จะยื่นเข้ามาให้พวกเขาพิจารณาภายในสัปดาห์หน้า หลังจากทั้งสองสโมสรได้ทำการตกลงซื้อขายโอตาวิโอ เพลย์เมคเกอร์ทีมชาติโปรตุเกสทางวาจาเสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

“โดยสื่อรายนี้ยังเผยต่อไปว่าทั้งสองสโมสรได้เจรจาค่าตัวของโอตาวิโอ เสร็จสิ้นเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยทางปอร์โต้ยินดีรับข้อเสนอจำนวน 34 ล้านปอนด์จากทางลิเวอร์พูล และได้ปฏิเสธข้อเสนอจำนวน 26 ล้านปอนด์จากลีดส์ ยูไนเต็ดไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วเมื่อวันก่อน และได้แจ้งกับทางลีดส์ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้วว่าพวกเขาจะขายโอตาวิโอให้กับทางลิเวอร์พูล หลังจากที่ก่อนหน้านี้ทั้งลิเวอร์พูลและปอร์โต้เคยค้าขายร่วมกันมาครั้งหนึ่งแล้วในดิลของ หลุยส์ ดิอาซ

โดยตามรายงานอ้างว่า “แม้ว่า Otavio จะมีค่าฉีกสัญญาที่ระบุเอาไว้สูงถึง 51 ล้านปอนด์ แต่ทีมแชมป์ Primeira Liga ก็เต็มที่ใจที่จะทำธุรกิจกับลิเวอร์พูล โดยพวกเขาตั้งความหวังเอาไว้ว่าอยากจะได้ค่าตัวกองกลางทีมชาติโปรตุเกสรายนี้จากลิเวอร์พูลที่จำนวน 38 ล้าน แต่ทาง Abola ก็เชื่อว่าค่าตัวจำนวน 34 ล้านปอนด์นั้นก็น่าจะเพียงพอที่จะทำให้ปอร์โต้ยอมปล่อยตัวกองกลางรายนี้ออกจากทีมได้เช่นกัน”

โดยโอตาวิโอสามารถเล่นได้ทุกตำแหน่งในตำแหน่งกองกลางและตัวรุก โดยตำแหน่งที่เขาถนัดก็คือตำแหน่งหมายเลข 10 หรือเพลย์เมคเกอร์ และก็ถือได้ว่านี่เป็นตำแหน่งที่ลิเวอร์พูลกำลังต้องการตัวมาเป็นเวลานานแล้ว โดยเฉพาะกับแผนการเล่นระบะ 4-2-3-1 ที่ลิเวอร์พูลเตรียมที่จะนำมาใช้งานในฤดูกาลหน้า และลิเวอร์พูลจำเป็นจะต้องมีนักเตะตำแหน่งเพลเมคเกอร์มาขับเคลื่อนในแผนการเล่นดังกล่าวนี้ คาดว่าลิเวอร์พูลจะดึงตัวโอตาวิโอเข้าสู่ทีมลิเวอร์พูลมากกว่าที่จะเป็น มาร์โก อเซนซิโอ ดาวเด่นจากเรอัล มาดริด ที่เคยตกเป็นข่าวกับลิเวอร์พูลในช่วงก่อนหน้านี้

และข่าวที่ทาง Abola ออกมาตีข่าวนั้นน่าจะไม่พลาด เพระาที่ผ่านมานั้นข่าวที่ออกมาจากสำนักข่าวนี้ทั้งในดิลของ หลุยส์ ดิอาซ และดาร์วิน นูเญซ ลิเวอร์พูลก็สามารถคว้าตัวเข้าสู่ทีมได้ทั้งหมด ดังนั้นหากข่าวนี้เป็นจริงขึ้นมาอีกดิลแล้วล่ะก็จะทำให้ลิเวอร์พูลได้ตัวนักเตะรายที่ 4 เข้าสู่ทีมต่อจากดิลของฟาบิโอ คาร์วัลโญ่, ดาร์วิน นูเนซ และคัลวิน แรมซีย์ และเป็นการเสริมทัพครั้งใหญ่ครั้งหนึ่งของลิเวอร์พูลเลยก็ว่าได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *