เก็บตกประเด็นหลังเกม “ปีศาจแดง” หืดจับนัดเปิดซีซัน 2024/25

แข้งป้ายแดงประเดิมสวย

นุสแซร์ มาซราอุย, มัตไทส์ เดอ ลิกต์ และ โยชัว เซิร์กซี สามแข้งป้ายแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงเล่นเกมแรกให้กับสังกัดใหม่ของพวกเขาไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย

รายของ มาซราอุย ออกสตาร์ทตัวจริงเป็นครั้งแรกในศึกพรีเมียร์ลีก โดยลงเล่นไปทั้งหมด 81 นาที

แม้ว่าอดีตฟูลแบ็ก บาเยิร์น มิวนิค จะลงซ้อมกับยูไนเต็ดได้ไม่นานและยังใหม่กับทีมอยู่ แต่เขาเล่นเข้ากับเพื่อนร่วมทีมได้เป็นอย่างดี ดูกลมกลืนเลยทีเดียว ซึ่งสถิติหลังเกมระบุว่า เขาเคลียร์บอลพ้นแดนอันตรายไป 2 ครั้ง, ดักตัดบอล 3, แท็คเกิล 2 และถูกคู่แข่งเลี้ยงบอลผ่าน 0

ด้าน เดอ ลิกต์ เริ่มต้นเป็นสำรอง โดยถูกส่งลงมาแทน มาซราอุย ในนาทีที่ 81 ขณะที่ เซิร์กซี สตาร์ทเป็นสำรองเช่นกัน ซึ่งช่วงแรกๆลงมาแล้วเขาไม่ค่อยอิมแพ็คต์ต่อทีมสักเท่าไหร่ แต่สคริปต์มันเขียนมาให้เขาสวมบทเป็น “ฮีโร่” ลงมาซัดชัยให้ทีมในนาทีที่ 87

อย่างไรก็ตาม เขายังต้องใช้เวลาในการปรับตัวให้เข้ากับเพื่อนร่วมทีม แต่แค่นี้ก็ถือว่าทำได้เยี่ยมแล้วล่ะ สำหรับผู้เล่นที่เพิ่งย้ายมาและลงฝึกซ้อมได้ไม่นาน

เหตุผลที่ไร้ชื่อ “ซานโช”

ค่อนข้างเซอร์ไพรส์เลยทีเดียวที่ เจดอน ซานโช ไม่มีชื่ออยู่ในทีมนัดนี้ เพราะก่อนหน้านี้ในช่วงพรีซีซัน รวมถึงเกมคอมมูนิตี ชิลด์ เขายังมีส่วนร่วมกับทีมอยู่เลย

ท่ามกลางความสงสัยของแฟนบอล รวมไปถึงนักข่าวอังกฤษหลายคน นายใหญ่ปีศาจแดงเลยอธิบายหลังเกมถึงสาเหตุที่ไม่มี ซานโช ว่า “ผมสามารถใส่ชื่อผู้เล่นได้เพียง 20 คน เจดอน มีอาการติดเชื้อที่หูในสัปดาห์นี้ เขาไม่สมบูรณ์ 100%”

“เขาสามารถลงเล่นได้ แต่ผมต้องตัดสินใจ บางครั้งมันก็ทำให้ผู้เล่นหงุดหงิดได้ แต่นักเตะทุกคนจะได้รับโอกาสของตัวเอง”

รายงานจาก ฟาบริซิโอ โรมาโน ระบุว่า อนาคตเกี่ยวกับเรื่องย้ายทีมของเขาในช่วงซัมเมอร์นี้ “ยังคงเปิดกว้าง”

“กาเซ” ยังไหว แต่ …

กองกลางบราซิลวัย 32 ปี คือหนึ่งในผู้เล่นปีศาจแดงที่โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมในนัดนี้

ตลอดทั้งเกม เขามีส่วนร่วมหลายครั้งกับจังหวะที่ทีมสร้างเกมรุก, เติมขึ้นมาลุ้นทำประตูจากลูกฟรีคิกที่เปิดโดย บรูโน แฟร์นันเดส แต่โหม่งข้ามคาน, มีโอกาสลุ้นทำประตูจากลูกยิงไกล, ได้วอลเลย์นอกกรอบเขตโทษ เพียงเแต่โอกาสทั้งหมดที่เขาลุ้นทำประตูนั้นมันขาดความแม่นยำ

เขาแทงทะลุช่องให้ บรูโน ที่สอดขึ้นมาลุ้นทำประตูได้สวย แต่กองกลางทีมชาติโปรตุเกส ซัดจ่อๆไปติดเซฟ แบร์นด์ เลโน จอมหนึบ ฟูแล่ม ซึ่งตลอดทั้งเกม “กาเซ” สร้างสรรค์โอกาสให้เพื่อนร่วมทีมลุ้นทำประตูไปทั้งหมด 3 ครั้ง

ในแง่เกมรับเขาช่วยทีมได้หลายครั้ง ทั้งเคลียร์บอล (4), บล็อกลูกยิง (1), ดักตัดบอล (1) และแท็คเกิล (4)

ก่อนหน้านี้ กาเซมิโร ตกเป็นข่าวว่าอาจเก็บกระเป๋าย้ายออกจากทีมในซัมเมอร์นี้ แต่ เอริค เทน ฮาก บอส แมนฯ ยูไนเต็ด ยืนยันเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า เขา “ไม่เห็นสัญญาณอะไรเลยว่า กาเซ จะไม่อยู่ต่อ”

เขาหมดสภาพแล้วหรือยัง????

จากที่มองเห็นในนัดแรกของฤดูกาล เขาฟิตปั๋งเลยล่ะ แต่ต้องใช้งานเขาในเกมที่เหมาะสม เพราะเขาไม่สามารถลงเล่นได้ทุกนัด และ แมนฯ ยูไนเต็ด ก็จำเป็นต้องหากองกลางตัวใหม่เพื่อมาช่วยแบ่งเบาภาระ

4-2-4 / 4-4-2 / 4-2-3-1 เวอร์ชันที่ไม่มีกองหน้าอีกครั้ง

อันที่จริง เทน ฮาก ใช้รูปแบบการเล่นดังกล่าวมาตั้งแต่ฤดูกาลที่แล้ว ที่เห็นได้ชัดเลยคือ เกมเอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ กับ แมนฯ ซิตี้ เมื่อเดือนพฤษภาคม

จากนั้น กุนซือชาวดัตช์ทดลองใช้แผนที่ไม่มีกองหน้าแท้ๆในช่วงพรีซีซัน ในเกมกับ เรอัล เบติส, ลิเวอร์พูล ต่อด้วยกับ แมนฯ ซิตี้ ในคอมมูนิตี ชิลด์ และล่าสุดศึกพรีเมียร์ลีกนัดเปิดฤดูกาลกับ ฟูแล่ม

คือ บรูโน่ แฟร์นันเดส และ เมสัน เมาต์ เล่นกองหน้าตัวหลอก (สามารถสลับกันได้) ซึ่งระบบดังกล่าวมันสามารถปรับเป็น 4-4-2 หรือ 4-2-3-1 หรือ 4-2-4 ได้ในระหว่างเกมอย่างไรก็ตาม แผนนี้คงเหมาะเป็นบางนัด และคงใช้ไม่ได้ทุกนัด แต่ที่ เทน ฮาก ใช้รูปแบบการเล่นนี้ พอเข้าใจได้ว่า

1. กองหน้าใหม่อย่าง โยชัว เซิร์กซี เพิ่งย้ายมา ยังใหม่กับทีมอยู่ ต้องใช้เวลาพอสมควร คงยังไม่เหมาะสมที่จะส่งลงเป็นตัวจริงเลย แถมก่อนหน้านี้เขาไม่มีพรีซีซันกับทีมเลย

2. หน้าอีกหนึ่งคนอย่าง ราสมุส ฮอยลุนด์ เจอโรคเดี้ยงเล่นงานพัก 3 สัปดาห์

3. และหน้าอีกหนึ่งคนอย่าง มาร์คัส แรชฟอร์ด ถนัดเล่นกองหน้าริมเส้นฝั่งซ้ายซะมากกว่า

4. อีกหนึ่งเหตุผลที่ใช้แผนนี้ก็คือ หากต้องการอัดแผงกลางให้แน่นเหมือนอย่างสองนัดหลังที่ดวลกับ แมนฯ ซิตี้ ก็สามารถใช้ได้เช่นกัน ซึ่งมันก็ได้ผล โดยแพ็กเกมรับให้แน่น แล้วอาศัยสวนกลับเร็ว (น่าจะเหมาะกับเกมที่เจอทีมใหญ่ซะมากกว่า)

5. เขาบอกก่อนเกมกับ ฟูแล่ม ว่า ทีมยัง “ไม่พร้อม” ซึ่งก็พอเข้าใจได้อีกแหละว่า มันเป็นพรีซีซันที่สั้น นักเตะใหม่ก็เพิ่งย้ายมา และก็ไม่มีพรีซีซันกับทีมด้วย (มีเพียง เลนี โยโร) แถมมีนักเตะไปลุยศึกยูโรและโคปา อเมริกา 2024 มาอีกต่างหาก

“ผมรู้สึกว่ามันทำให้พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น แต่มันจะเป็นการแก้ปัญหาในระยะยาวหรือไม่นั้น ใครจะไปรู้ล่ะ?” แกรี เนวิลล์ กูรูลูกหนัง กล่าวผ่าน สกาย สปอร์ตส์

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *