แมนยู พบ บาร์นสลีย์! 5 ข้อผีหลอนเจ้าตูบขนหัวลุกลิ่วรอบ 4 คาราบาว
แมนยู สร้างความแฮปปี้ให้กับสาวกครั้งใหญ่เมื่อเปิดบ้านรับการมาเยือนของ บาร์นสลีย์ และไล่ขยี้คู่แข่งจาก ลีกวัน ยับเยิน 7-0 จากการฟาดแข้งถ้วย คาราบาวคัพ รอบสามที่สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อวันอังคารที่ 17 ก.ย. ลอยลำเข้ารอบสี่ได้อย่างไร้ปัญหาโดยเกมนี้สามดาวเตะเจ้าบ้านแบ่งกันตะบันคนละสองตุงให้ เอริค เทน ฮาก พาทีมกำชัยได้ด้วยสกอร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของเขานับตั้งแต่เข้ามารับงานกับ ผีแดง
1. ผีโรเตชั่นแปดตำแหน่ง
เอริค เทน ฮาก กุนซือทีม แมนฯ ยูไนเต็ด ปรับโผนักเตะตัวจริงรวมแปดรายเมื่อเทียบจากเกมล่าสุดในศึก พรีเมียร์ลีก นัดออกไปสยบ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-0
ไล่ตั้งแต่ อัลตาย บายินดีร์ ได้เฝ้าประตู ขณะที่ มานูเอล อูการ์เต้ กองกลางคนใหม่ได้ออกสตาร์ตเป็นเกมแรก รวมทั้ง กาเซมีโร่ ที่ได้กลับมาลงเล่นเป็นตัวจริงพร้อมสวมบทกัปตัน
นอกจากนี้ โทบี้ คอลล์เยอร์ กัปตันทีมชุดยู 21 ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงนัดแรกให้กับสโมสรเช่นกัน รวมถึง อันโตนี่ ที่อยู่ในโผ 11 คนแรกตามคาด หากแต่ เทน ฮาก จับมิดฟิลด์ดาวรุ่งวัย 20 ปีลงบู๊ในตำแหน่งแบ็คซ้าย
สำหรับสามขุนพลที่รักษาตำแหน่งในเกมนี้ได้ประกอบไปด้วย ดีโอโก้ ดาโลต์ , คริสเตียน เอริคเซ่น และ มาร์คัส แรชฟอร์ด
2. เจ้าตูบปรับทัพสี่จุด
บาร์นสลีย์ ทีมอันดับเจ็ดของ ลีกวัน ปรับทัพรวมสี่รายจากเกมลีกนัดออกไปแพ้ สตีฟเนจ เละเทะ 3-0
กุนซือ ดาร์เรลล์ คลาร์ก เลือกใช้งาน ฟาบิโอ ชาโล , วิมาล โยกานาธาน , แม็กซ์ วัตเตอร์ส และ คอรีย์ โอคีฟฟ์ ลงสนามเป็นตัวจริงแทน แม็ตธิว เคร็ก , โดโนแวน ไพน์ส , เดวิส เคลเลอร์ ดันน์ และ แซม คอสโกรฟ
3. แรชฟอร์ด คืนฟอร์มฮอต
หลังจบเกมบุกไปขยี้ เซาธ์แฮมป์ตัน 3-0 เทน ฮาก แสดงความเชื่อมั่นในตัว แรชฟอร์ด ว่าจะยิงประตูได้แบบไหลมาเทมาในซีซั่นนี้อย่างแน่นอนหลังหัวหอกเลือดผู้ดีกระทุ้งประตู นักบุญ ได้สำเร็จ
ด้วยเหตุนี้ กุนซือสกินเฮดจึงตัดสินใจส่ง แรชฟอร์ด ลงเล่นเป็นตัวจริงอย่างต่อเนื่องอีกเกมหมายให้เขาอาศัยนัดต่อกรกับทีมรองบ่อนกระซวกตาข่ายเพิ่ม และปรากฏว่าเด็กปั้นของทีมทำได้สำเร็จด้วยการซัดให้ ผีแดง ออกนำ 1-0
จากประตูดังกล่าวเท่ากับว่า แรชฟอร์ด ตะบันให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ได้สองเม็ดจากสองเกม และเป็นประตูแรกของเขาในรั้ว โอลด์ แทรฟฟอร์ด ตั้งแต่เดือนมี.ค.ด้วย
เท่านั้นไม่พอ แรชฟอร์ด เพิ่มสกอร์ให้กับตัวเองได้อีกเม็ดในครึ่งหลังพาทีมนำห่าง 5-0 เป็นการสอยตาข่ายได้สามเม็ดจากสองเกมซึ่งถือเป็นสัญญาณที่น่าพอใจว่าเขามีแววกลับมาเป็นจอมล่าตาข่ายหมายเลขหนึ่งของทีมอีกหน
4. ได้เวลา เดอะ หมุน
นอกจาก แรชฟอร์ด แล้ว เกมบู๊กับ บาร์สลีย์ ถือเป็นนัดสำคัญสำหรับ อันโตนี่ เช่นกันเนื่องจากปีกค่าตัวแพงมีฟอร์มที่เลวร้ายมานาน ฉะนั้นแล้วเกมฟัดกับทีมระดับ ลีกวัน จึงมีความเหมาะสมที่เขาจะได้ลงบู๊เพื่อเรียกฟอร์มเก่งกลับคืนมาให้ได้
อย่างไรก็ดี แม้ลีลาที่แพรวพราวของดาวเตะทีมชาติ บราซิล จะไม่ได้มีพิษสงเหมือนช่วงที่ย้ายมาจาก อาแจ็กซ์ ใหม่ๆ แต่อย่างน้อยเขาก็เรียกลูกโทษให้ทีมได้ และเจ้าตัวสังหารไม่พลาดจึงทำให้ ผีแดง นำห่าง 2-0 ซึ่งถือเป็นสกอร์ที่น่าอุ่นใจมากขึ้น
ขณะเดียวกัน จากการลงเล่นเป็นตัวจริงเกมแรกในซีซั่นนี้ อันโตนี่ ยิงประตูแรกให้กับตัวเองได้เช่นกัน มันจึงเป็นเกมที่น่าพอใจสำหรับสตาร์ชาวเมืองกาแฟซึ่งสอยตาข่ายต่อหน้าแฟนบอล เร้ด อาร์มี่ ในรังตัวเองได้ และเป็นประตูแรกของเขากับสโมสรนับตั้งแต่เดือนเม.ย.ด้วย
5.สองนัด 10 ตุงบวกคลีนชีต
หลังจากบุกไปพิชิต เซาธ์แฮมป์ตัน ในเกม พรีเมียร์ลีก 3-0 แมนฯ ยูไนเต็ด สร้างความแฮปปี้ให้กับสาวกอย่างเต็มที่ด้วยการเฝ้าบ้านพิฆาต บาร์นสลีย์ แบบไร้ปราณี 7-0 ซึ่งหมายความว่าจากการลงเล่นสองเกมในสองรายการ ทีมของ เทน ฮาก คลำเป้าได้รวม 10 เม็ดชนิดที่ไม่เสียประตูซะด้วย
แน่นอนว่า เจ้าตูบ ไม่ใช่คู่ต่อกรของ ผีแดง แต่อย่างน้อยมันก็ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการยิงประตูให้กับขุนพล อสูรแดง ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญของพวกเขาจากซีซั่นก่อน และสมควรได้รับการแก้ไขเพื่อควานหาความสำเร็จในซีซั่นนี้
นอกจากจะกำชัยได้อย่างขาดลอยแล้ว นิมิตรหมายที่ดีของ ผีแดง ในเกมนี้ก็คือสามตัวรุกของพวกเขาล้วนมีชื่อติดสกอร์บอรด์ทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น แรชฟอร์ด และ อเลฮานโดร การ์นาโช่ ซึ่งเข่นได้คนละสองตุง ขณะที่ อันโตนี่ ยิงลูกโทษไม่พลาด และน่าจะเพิ่มสกอร์ให้กับตัวเองได้หลายครั้งด้วย แต่น่าเสียดายที่เจ้าตัวง้างไกเบาหวิวไปซะทุกครั้ง
ไม่เพียงเท่านั้น ช่วงท้ายเกมปรากฏว่า เอริคเซ่น มาแรงแซงทางโค้ง อันโตนี่ ด้วยการสับไกได้สองประตูอีกรายหลังจากหนสุดท้ายกองกลางทีมชาติ เดนมาร์ก ซัดประตูให้ทีมได้เมื่อ 13 เดือนก่อนจึงทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด ชนะไปอย่างท่วมท้น 7-0 ซึ่งเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของ เทน ฮาก ในการคุมทีมดังของเมืองผู้ดี
อย่างไรก็ดี จากผลงานในเกมไล่ต้อนทีมจาก ลีกวัน อันที่จริง การ์นาโช่ โชว์ฟอร์มได้อย่างโดดเด่นที่สุดจากสองประตู และสองแอสซิสต์ แต่น่าเสียดายที่ แรชฟอร์ด ได้รับการประกาศชื่อให้คว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ทั้งๆที่มันน่าจะตกเป็นของปีกเลือดฟ้าขาวมากกว่า