10 สตาร์เอเชียน่าจับตา อิน กาตาร์
แต่ไหนแต่ไรมา ทีมจากเอเชียมักถูกมองเป็นไม้ประดับในการแข่งขัน ฟุตบอลโลก เพราะชื่อชั้นผลงานเป็นรองชาติอื่นๆ ค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ตาม ในช่วง 10-20 ปีหลัง เมื่อนักเตะจากเอเชียเริ่มได้รับโอกาสเก็บเกี่ยวประสบการณ์และพัฒนาฝีเท้าในลีกยุโรปมากขึ้น ฟอร์มโดยรวมของทีมจากเอเชียจึงเริ่มแข็งแกร่งขึ้น แม้ผลงานอาจจะยังไม่โดดเด่นมาก แต่ก็มีสตาร์หลายคนที่ได้โชว์ฝีเท้าในเวทีลูกหนังรายการใหญ่ที่สุดในโลกแห่งนี้ อาทิ ฮิเดโตชิ นากาตะ, อาลี ดาอี, ปาร์ก จี ซอง
สำหรับ ฟุตบอลโลก 2022 ที่ประเทศกาตาร์ ซึ่งจะเปิดฉากในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้ มีตัวแทนจากเอเชียเข้าร่วม 6 ทีม ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อิหร่าน ซาอุดีอาระเบีย กาตาร์ (เจ้าภาพ) และออสเตรเลีย ประเทศจากโอเชียเนียซึ่งย้ายมาสังกัดสมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย (เอเอฟซี)
ถึงแม้ว่าโอกาสที่ทีมเหล่านี้จะทะลุเข้ารอบลึกจะมีไม่มาก แต่ก็มีสตาร์นักเตะหลายรายที่น่าจะโชว์ฝีเท้าให้แฟนๆ ประทับใจได้ไม่มากก็น้อย ดังนี้
อัลโมเอซ อาลี (กาตาร์)
อาลีเกิดที่ซูดาน แต่ย้ายไปอยู่กาตาร์ตั้งแต่เด็ก เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าชั้นเลิศของเอเชีย และมีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ เอเอฟซี เอเชี่ยนคัพ ปี 2019 โดยยิงไป 9 ประตูจาก 7 นัด โดยเฉพาะประตูสำคัญในรอบรองชนะเลิศและรอบชิง จนคว้ารางวัลดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์ รวมทั้งรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (เอ็มวีพี) ด้วย
นอกจากนี้ ตอนที่กาตาร์ได้รับเชิญร่วมแข่งขันฟุตบอลโคปา อเมริกา และคอนคาเคฟ โกลด์คัพ เขาก็ทำประตูให้ทีมได้ด้วยเช่นกัน
อับเดลคาริม ฮัสซัน (กาตาร์)
แบ๊กซ้ายจากสโมสรอัล ซาดด์ โดดเด่นทั้งเกมรุกและเกมรับ นอกจากจะทำหน้าที่ในการช่วยป้องกันประตูได้ดีแล้ว ยิงสามารถยิงประตูและแอสซิสต์ให้เพื่อนได้ด้วย จึงมีส่วนช่วยให้ทีมสามารถใช้แผนการเล่นที่หวือหวาและเน้นเกมรุกได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ฮัสซันยังมีดีกรีเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งเอเชียประจำปี 2018 และการร่วมทีมลุยศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ก็น่าจะช่วยกอบกู้ชื่อเสียงให้เขาจากการโดนเอเอฟซีลงโทษแบน 5 เดือน เพราะเข้าไปเผชิญหน้าเชิงคุกคามใส่กรรมการในเกมเอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก เมื่อ 3 ปีที่แล้ว
เมห์ดี้ ตาเรมี (อิหร่าน)
4 ปีที่แล้ว ตาเรมีพลาดทำประตูชัยช่วงทดเจ็บซึ่งจะช่วยให้อิหร่านคว้าชัยเหนือโปรตุเกสแบบสุดช็อก รวมถึงตีตั๋วเข้าสู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย ผ่านมา 4 ปี ตอนนี้เขาอยู่ในช่วงพีคของอาชีพนักเตะกับทีมปอร์โต้ และทำประตูในถ้วยยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก มาแล้วถึง 5 ประตูในซีซั่นนี้ อีกทั้งมีส่วนสำคัญช่วยให้ปอร์โต้คว้าดับเบิลแชมป์ทั้งบอลลีกและบอลถ้วยในประเทศเมื่อซีซั่นก่อน โดยเล่นให้ทีมดังของโปรตุเกสมาแล้ว 3 ปีครึ่ง ยิงไปทั้งหมด 62 ประตู
อาลีเรซ่า เบรานวานด์ (อิหร่าน)
ในเกมเดียวกับที่เตรามีพลาดประตูชัยสำคัญ เบรานวานด์ นายทวารอิหร่านก็มีส่วนสำคัญให้ทีมได้มีลุ้นเข้ารอบเช่นกัน โดยเฉพาะจังหวะเซฟจุดโทษของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้
เบรานวานด์เป็นประตูมือ 1 ของเพอร์เซโปลิส มีส่วนช่วยทีมคว้าแชมป์ลีกอิหร่าน 4 สมัย จนได้ย้ายไปเล่นให้ทีมรอยัล อันต์เวิร์ป ในลีกเบลเยียม ก่อนถูกส่งให้โบอาวิสต้า ในลีกโปรตุเกส ยืมตัว แต่โชคร้ายมีปัญหาบาดเจ็บ จนสุดท้ายย้ายกลับไปอยู่กับเพอร์เซโพลิส
ซัลมาน อัล ฟาราจ (ซาอุดีอาระเบีย)
อัล ฟาราจ วัย 33 ปี ได้รับการยกย่องว่าเป็นเพลย์เมกเกอร์พรสวรรค์สูงสุดคนหนึ่งของเอเชียในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา และเล่นให้สโมสรเดียวมาทั้งชีวิตคือทีมอัล ฮิลาล ที่บ้านเกิด ท่ามกลางความเสียดายของหลายคนที่อยากเห็นเขาไปโลดแล่นในลีกยุโรป นอกจากนี้ เขายังเป็นสมาชิกทีมชาติซาอุฯในเวิลด์คัพหนที่แล้ว และฝากชื่อเอาไว้ด้วยการยิงประตูในเกมเจอกับอียิปต์ด้วย
ซาเล็ม อัล ดอว์ซารี (ซาอุดีอาระเบีย)
อัล ดอว์ซารี เป็นคนวอลเลย์ลูกตุงตาข่าย ทำประตูชัยให้ทีมเศรษฐีน้ำมันเอาชนะอียิปต์ 2-1 ในฟุตบอลโลกหนที่แล้ว ซึ่งเป็นชัยชนะล้ำค่านัดที่ 3 ในประวัติศาสตร์การเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์นี้มา 5 ครั้ง
เขาเองก็เป็นนักเตะที่เล่นให้อัล ฮิลาล มาทั้งชีวิตเช่นเดียวกับอัล ฟาราจ เพื่อนร่วมทีม ต่างกันเล็กน้อยตรงที่เขาเคยไปเล่นให้บียาร์รีลในลาลีก้า สเปน ช่วงสั้นๆ และได้ลงสนามเป็นตัวสำรองในเกมเจอกับรีล มาดริด
วันนี้ในวัย 31 ปี อัล ดอว์ซารี กำลังอยู่ในช่วงพีคของชีวิตนักเตะ จัดเป็นปีกสุดอันตรายที่พาต้นสังกัดคว้าแชมป์เอเอฟซี แชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลก่อน
ทาเคฮิโร่ โทมิยาสุ (ญี่ปุ่น)
ถึงแม้ญี่ปุ่นจะส่งออกนักเตะไปค้าแข้งในยุโรปมากขึ้นในช่วงหลัง แต่มีไม่มากนักที่จะแจ้งเกิดในพรีเมียร์ลีกของอังกฤษได้ ซึ่งหนึ่งในนั้นคือโทมิยาสุ
อาร์เซน่อลคว้าตัวกองหลังสารพัดประโยชน์รายนี้ร่วมทีมเมื่อต้นซีซั่นที่แล้วหลังโชว์ฟอร์มได้น่าประทับใจใน 2 ฤดูกาลกับโบโลญญ่า ใช้เวลาไม่นานก็ปรับตัวได้ ฤดูกาลนี้ลงสนามไปแล้ว 11 นัดในพรีเมียร์ลีก มีส่วนช่วยให้อาร์เซน่อลเป็นจ่าฝูงในขณะนี้
แม้ว่าระดับสโมสรเขาจะเล่นตำแหน่งแบ๊กเป็นส่วนใหญ่ แต่เมื่อเล่นในทีมชาติจะยืนเป็นเซ็นเตอร์หัวใจหลักของซามูไรบลูส์คู่กับกัปตันทีม มายะ โยชิดะ เป็นหลัก
ไดจิ คามาดะ (ญี่ปุ่น)
ปัญหาหนึ่งของทีมชาติญี่ปุ่นชุดปัจจุบันคือ กองหน้า 4 คนของทีมยิงประตูในระดับทีมชาติรวมกันเพียง 10 ลูกเท่านั้น แต่สิ่งหนึ่งที่ช่วยเติมเต็มแนวรุกของทีมแดนอาทิตย์อุทัยได้ดี คือฟอร์มการเล่นของกองกลาง ไดจิ คามาดะ จากสโมสรไอน์ทรัก แฟรงก์เฟิร์ต ในเยอรมนี
คามาดะโชว์ฟอร์มได้อย่างร้อนแรงให้แฟรงก์เฟิร์ตในฤดูกาลนี้ โดยยิงไปแล้ว 12 ประตู จากการลงสนาม 21 นัดในทุกถ้วย มีสไตล์การเล่นที่ดุดัน รวดเร็ว น่าจะช่วยให้ทีมต่อกรกับมหาอำนาจลูกหนังอย่างสเปนและเยอรมนีได้สนุกในรอบแรก
คิม มิน แจ (เกาหลีใต้)
ประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจสำหรับนาโปลีที่ครองตำแหน่งจ่าฝูงกัลโช่ เซเรียอา ในขณะนี้คือ เมื่อตลาดซื้อขายซัมเมอร์ที่ผ่านมา สโมสรขาย คาลิดู คูลิบาลี่ ให้กับเชลซี แต่ถึงจะเสียเซ็นเตอร์ตัวหลักของทีมไปก็ดูไม่กระทบกับฟอร์มโดยรวมนัก สาหตุหนึ่งก็เพราะคิม มิน แจ ทำหน้าที่ทดแทนได้เป็นอย่างดี ด้วยรูปร่างสูงใหญ่และวัยเพียง 26 ปี เขาสามารถปักหลักสู้กับแนวรุกเก่งๆ ของหลายทีมได้อย่างไม่ยี่หระ และแม้จะร่วมทีมได้เพียงไม่กี่เดือน เขาก็ได้รางวัลนักเตะยอดเยี่ยมประจำเดือนของเซเรียอาเป็นเครื่องการันตีแล้ว
ซน ฮึง มิน (เกาหลีใต้)
ซุปเปอร์สตาร์ของท็อตแนม ฮอตสเปอร์ คือนักเตะเอเชียที่มีชื่อเสียงที่สุดของยุคปัจจุบันแบบไม่มีใครปฏิเสธได้ ผลงานในสนามของซนที่ประสานงานในแนวรุกร่วมกับ แฮร์รี่ เคน ได้อย่างโดดเด่นในช่วง 2-3 ปีหลัง จนได้รับการจับตามองจากทีมใหญ่ๆ มากมาย โดยฤดูกาลที่แล้วเขาคว้ารางวัลดาวซัลโวพรีเมียร์ลีกร่วมกับ โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ของลิเวอร์พูล กับผลงานทะลวงตาข่าย 23 ประตู
แม้ฤดูกาลนี้ฟอร์มอาจจะไม่เปรี้ยงเท่าซีซั่นก่อน ประกอบกับเพิ่งได้รับบาดเจ็บต้องผ่าเบ้าตาก่อนแข่งไม่กี่สัปดาห์ แต่ซน ฮึง มิน ก็เป็นกำลังหลักของทีมโสมขาวชนิดไม่มีไม่ได้ และพร้อมสวมปลอกแขนกัปตันทีมนำทัพเกาหลีใต้ลุ้นสร้างผลงานในบอลโลกหนนี้